วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ


กระทรวงศึกษาธิการ  (2546:19)  อ้างถึงใน  พระเทพเวที,2531:24) ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การบูรณาการ  หมายถึงการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงศาสตร์สาขาต่างๆ  ที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกันมาผสมผสานเข้าด้วยกัน  เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ที่มีความหมาย  มีความหลากหลายและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

                สำนักงานประสานงานโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  (2540:6)  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การสอนแบบบูรณาการ  หมายถึงการเชื่อมโยงวิชาหนึ่งเข้ากับวิชาอื่นๆ  ในการสอน  เช่น  การเชื่อมโยงวิชาวิทยาศาสตร์กับคณิตศาสตร์และภาษาไทย  การเชื่อมโยงวิชาวิทยาศาตร์กับสังคมศึกษา  การเชื่อมโยงวิชาศิลปะกับภาษาไทย  เป็นต้น

                โศภนา  บุณยะกลัมพ  (2546:8)  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การสอนแบบบูรณาการ  หมายถึงการสอนซึ่งนำเอาสาระการเรียนรู้ต่างๆ  เข้ามาผสมผสานกันเพื่อประโยชน์แก่ผู้เรียน  โดยใช้สาระการเรียนรู้ใดสาระการเรียนรู้หนึ่งเป็นแกนหลักแล้วขยายวงกว้างขวางออกไป  เพื่อให้การเรียนรู้ของผู้เรียนเกิดความสมบูรณ์ในตัวของเขาเอง

                นิรมล  ศตวุฒิ  (2547:74)  ได้ให้ความหมายไว้ว่า  การสอนแบบบูรณา  หมายถึงการจัดให้ผู้เรียนเรียนรู้ในลักษณะองค์รวม(Holistic  Way)  ระหว่างวิชาต่างๆ  อย่างมีความหมายตามสภาพความเป็นจริงในชีวิตหรือสภาพปัญหาสังคมที่ซับซ้อน

                จากที่กล่าวมาพอสรุปความหมาย การสอนแบบบูรณาการได้ว่า  เป็นการเชื่อมโยงวิชาหนึ่งเข้ากับวิชาอื่นๆ  ในการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้ที่หลากหลาย  และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

เหตุผลที่สนับสนุนการเชื่อมโยงวิชาต่าง ๆ  เข้าด้วยกันในการสอนมีดังต่อไปนี้

1.  สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงไม่ได้จำกัดว่าจะเกี่ยวข้องกับสาขาวิชาใดสาขาวิชาหนึ่ง  โดยเฉพาะ  ตัวอย่าง  เช่น  การเกิดอุทกภัย ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดียวแต่ก่อให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง  เช่น  บ้านเรือนไร่นาเสียหาย  ธุรกิจหยุดชะงัก  โรงเรียนและสถานที่ต่าง ๆ ต้องหยุดงาน ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหลายประการ  ในการแก้ปัญหาต่าง ๆ  เหล่านี้  เราจำเป็นจะต้องใช้ความรู้และทักษะจากหลาย ๆ สาขาวิชามาร่วมกันแก้ปัญหา  การเรียนรู้เนื้อหาวิชาต่างๆ  ในลักษณะเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน  จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชา  และความสัมพันธ์ของวิชาต่าง ๆ  เหล่านั้นกับวิชาจริง

 2.  การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการจะช่วยให้เกิดความสัมพันธ์เชื่อมโยง  ระหว่างความคิดรวบยอดในศาสตร์ต่าง ๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความหมาย  การเรียนการสอนในวิชาวิทยาศาสตร์  ไม่จำเป็นว่าความคิดรวบยอดจะต้องแยกจากความคิดรวบรวมยอดในวิชาอื่น ๆ  ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์  ภาษา  หรือสังคมศึกษา  เนื้อหาและกระบวนการที่เรียนในวิชาหนึ่งอาจช่วยให้นักเรียนมีความเข้าใจในวิชาอื่นดีขึ้นได้

3.  การสอนที่สัมพันธ์เชื่อมโยงความคิดรวบยอดจากหลาย ๆ  สาขาวิชาเข้าด้วยกันมีประโยชน์หลายอย่าง  ที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้เกิดการถ่ายโอนความรู้  (Transf  of  learning) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการจะช่วยให้นักเรียนเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนเข้ากับชีวิตจริงได้และในทางกลับกันก็จะสามารถเชื่อมโยงเรื่องของชีวิตจริงภายนอกห้องเรียนเข้ากับสิ่งที่เรียนได้  ทำให้นักเรียนเข้าใจว่า  สิ่งที่ตนเรียนมีประโยชน์หรือนำไปใช้จริงได้

 4.  หลักสูตรและการเรียนการสอนแบบบูรณาการมีประโยชน์ในการขจัดความซ้ำซ้อนของเนื้อหาต่าง ๆ  ในหลักสูตร  ในปัจจุบันเราประสบปัญหาในเรื่องที่ความรู้และข้อมูลต่าง ๆ  เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมีเรื่องที่จำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มขึ้นจำนวนมากมายในแต่ละปีการเพิ่มขึ้นอย่างมากมายและรวดเร็วของความรู้และข้อมูลต่าง ๆ  นี้  ทำให้การเรียนแบบสัมพันธ์วิชามีความสำคัญมากกว่า  ที่ต่างวิชาต่างเพิ่มเนื้อหาเข้าไปในหลักสูตรของตน

 5.  การเรียนการสอนแบบบูรณาการสามารถตอบสนองต่อความสามารถของผู้เรียนซึ่งมีหลายด้าน  เช่น  ภาษา  คณิตศาสตร์  การมองพื้นที่  ความคล่องของร่างกาย  และความเคลื่อนไหวดนตรี  สังคมหรือมนุษย์สัมพันธ์และความรู้และความเข้าใจตนเอง  ซึ่งรวมเรียกว่า พหุปัญญา”  (Multiple  Intelligences)  และสนองตอบต่อความสามารถที่จะแสดงออกและตอบสนองทางอารมณ์  (Emotional Intelligence)

6.  กระบวนการเรียนการสอนที่ใช้ในหลักสูตรแบบบูรณาการสอดคล้องกับทฤษฎีการสร้างความรู้โดยผู้เรียน (Constructivism)  ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในวงการศึกษาขณะนี้



ประเภทของการสอนแบบบูรณาการ มี  2  แบบ  คือ

 1.   การบูรณาการภายในกลุ่มวิชาหรือสาขาวิชาเดียวกัน  โดยกำหนดหัวเรื่อง (Theme)  ขึ้น  แล้วบูรณาการขอบข่ายวิชาต่างๆ ในการสอนตามหัวเรื่องนั้น            

 2.   การบูรณาการระหว่างวิชา  เป็นการเชื่อมโยงหรือรวมศาสตร์ต่าง ๆ  ตั้งแต่  2  สาขาวิชา

ขึ้นไป  ภายใต้หัวเรื่อง  (Theme)  เดียวกัน  เป็นการเรียนรู้โดยใช้ความรู้เข้าใจและทักษะในศาสตร์หรือความรู้ในวิชาต่าง ๆ  มากกว่า  1 วิชาขึ้นไป  เพื่อการแก้ปัญหา  หรือ  แสวงหาความรู้ความเข้าใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง  การเชื่อมโยงความรู้และทักษะระหว่างวิชาต่าง ๆ จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง  ไม่ใช่เพียง ผิวเผิน  และมีลักษณะใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากขึ้น

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบบูรณาการระหว่างวิชา  จะช่วยให้ผู้เรียนได้รับความรู้ความเข้าใจในลักษณะองค์รวม  ไม่ว่าวิชาใดก็จะสามารถจะใช้วิธีบูรณาการได้ทั้งสิ้น  ข้อสำคัญอยู่ที่ความสามารถในการบูรณาการที่ดี  การเรียนการสอนแบบบูรณาการระหว่างวิชาจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถแสวงหาความรู้ความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ  ที่อยู่รอบตัวได้

การสอนแบบบูรณาการทั้งสองแบบมีหลักการเช่นเดียวกัน  กล่าวคือมีการกำหนดหัวเรื่องที่เชื่อมโยงความคิดรวบยอดต่าง ๆ  มีการวางแผนการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ  ที่ผู้เรียนจะต้องศึกษาและลงมือปฏิบัติ

รูปแบบของการบูรณาการ  (Models  of  Integration)

 รูปแบบของการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการมี  4  รูปแบบ  คือ

      1.  การสอนบูรณาการแบบสอดแทรก  (Infusion  Instruction)

 การสอนรูปแบบนี้ครูผู้สอนในวิชาหนึ่งสอดแทรกเนื้อหาของวิชาอื่น ๆ  เข้าไปในการสอนของตน  เป็นการวางแผนการสอนและสอนโดยครูเพียงคนเดียว

2.  การสอนบูรณาการแบบขนาน  (Parallel  Instruction)

การสอนตามรูปแบบนี้  ครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน  ต่างคนต่างสอนแต่ต้องวางแผนการสอนร่วมกันโดยมุ่งสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกัน (Theme/concept/problem)  ระบุสิ่งที่ร่วมกันและตัดสินในร่วมกันว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้นๆ อย่างไรในวิชาของแต่ละคน  งานหรือการบ้านที่มอบหมายให้นักเรียนทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละวิชา แต่ทั้งหมดจะต้องมีหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน

3.  การสอนบูรณาการแบบสหวิทยาการ  (Multidisciplinary  Instruction)

ขนาน (Parallel  Instruction)  กล่าวคือครูตั้งแต่  2  คนขึ้นไปสอนต่างวิชากัน  มุ่งสอนหัวเรื่อง  ความคิดรวบยอด/ปัญหาเดียวกันต่างคนต่างแยกกันสอนเป็นส่วนใหญ่  แต่มีการมอบหมายงาน  หรือโครงการ (Project)  ร่วมกัน  ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงสาขาวิชาต่าง ๆ  เข้าด้วยกัน  ครูทุกคนจะต้องวางแผนร่วมกันเพื่อที่จะระบุว่าจะสอนหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหานั้น ๆ  ในแต่ละวิชาอย่างไร  และวางแผนสร้างโครงการร่วมกัน(หรือกำหนดงานจะมอบหมายให้นักเรียนทำร่วมกัน)  และกำหนดว่าจะแบ่งโครงการนั้นออกเป็นโครงการย่อย ๆ  ให้นักเรียนปฏิบัติแต่ละรายวิชาอย่างไร

อนึ่ง  พึงเข้าใจว่าคำว่า  โครงการ”  นี้มีความหมายเดียวกันกับคำว่า  โครงงาน”  มาจากภาษาอังกฤษคำเดียวกันคือ  “Project” หลายท่านอาจคุ้นกับคำว่า  โครงงาน มากกว่า  เช่น  โครงงานวิทยาศาสตร์”  ซึ่งก็อาจเรียกว่า   โครงการวิทยาศาสตร์”  ได้เช่นเดียวกัน

4.  การสอนบูรณาการแบบข้ามวิชาหรือเป็นคณะ  (Transdisciplinary  Instrction)

การสอนตามรูปแบบนี้ครูที่สอนวิชาต่าง ๆ  จะร่วมกันสอนเป็นคณะหรือเป็นทีม  ร่วมกันวางแผน  ปรึกษาหารือ  และกำหนดหัวเรื่อง/ความคิดรวบยอด/ปัญหาร่วมกัน  แล้วร่วมกันดำเนินการสอนนักเรียนกลุ่มเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การวัดและประเมินผลทางการศึกษา

ความหมายของคำว่า การประเมินผล ( Evaluation)  ได้มีผู้ให้ความหมายไว้ ดังนี้             ชวาล แพรัตกุล  (2516 : 140) กล่าวว่า การประเมินผล ...