วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2562

การประเมินผลตามสภาพจริง


           การประเมินผลตามสภาพจริง  หมายถึง  กระบวนการสังเกตการบันทึกและการรวบรวมข้อมูลจากงานวิธีการที่ผู้เรียนทำ เพื่อเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจถึงผลกระทบต่อผู้เรียน  การประเมินผลตามสภาพจริง  จะไม่เน้นการประเมินเฉพาะทักษะพื้นฐาน  แต่จะเน้นประเมินทักษะการคิดที่ซับซ้อนในการทำงาน  ความสามารถในการแก้ปัญหาและการแสดงออกที่เกิดจาการ
ปฏิบัติในสภาพจริง  ในการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

        
ลักษณะสำคัญของการประเมินตามสภาพจริง
        1.  
เสริมสร้างพัฒนาการและการเรียนรู้
        2.  
เน้นให้เห็นพัฒนาการอย่างเด่นชัด
        3.  
ให้ความสำคัญกับจุดเด่นของผู้เรียน
        4.  
ตอบสนองหลักสูตรที่เน้นสภาพชีวิตจริง
        5.  
มีพื้นฐานของสภาพที่เป็นจริง
        6.  
มีพื้นฐานบนการแสดงออกจริง
        7.  
สอดคล้องกับการเรียนการสอน
        8.  
การจัดการเรียนการสอนจะมีวิจัย  และพัฒนาให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็ก
        9.  
เน้นการเรียนอย่างมีจุดหมาย
        10.  
ตอบสนองได้ทุกบริบท  เนื้อหาสาระและการบูรณาการวิชาการต่าง ๆ
        11.  
ตอบสนองการเรียนรู้และความสามารถของผู้เรียนอย่างกว้างขวาง
        12.  
มีความร่วมมือระหว่างผู้ปกครอง  ครู  ผู้เรียน  และบุคคลในสาขาวิชาอื่น ๆ
  หลักการของการประเมินผลจากสภาพจริง


     
        1.  
เป็นการประเมินความก้าวหน้าและการแสดงออกของผู้เรียนบนรากฐานของทฤษฎีพฤติกรรมการเรียนรู้และด้วยเครื่องมือประเมินที่หลากหลาย
        2.  
การประเมินผลจากสภาพจริงจะต้องมีรากฐานบนพัฒนาการและการเรียนรู้ทางสติปัญญาที่หลากหลาย
        3.  
การประเมินผลจากสภาพจริงและพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมจะต้องทำให้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
        4.  
ความรู้ในเนื้อหาสาระในทางกว้างและลึกจะนำไปสู่การพัฒนาให้ผู้เรียนรู้มากขึ้น  เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย  สนองความต้องการและเสริมสร้างศักยภาพของผู้เรียนอย่างเต็มที่
        5.  
การเรียน  การสอน  การประเมิน  จะต้องหลอมรวมกันและต้องประเมินต่อเนื่องตลอดเวลาที่ทำการเรียนการสอนโดยผู้เรียนมีส่วนร่วม
        6.  
เน้นการปฏิบัติจริงในสภาพสอดคล้องหรือใกล้เคียงกับธรรมชาติความเป็นจริงของการดำเนินชีวิต  งาน/กิจกรรมการเรียนการสอนและการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คิดงานด้วย
        7.  
การเรียนการสอนจะต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาศักยภาพให้เต็มที่ตามที่เป็นจริงของแต่ละบุคคล
::  วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลตามสภาพจริง



1.  การประเมินการแสดงออกและกระบวนการของนักเรียน  (Performance  and  Process)  มีวิธีการและเครื่องมือที่ใช้หลายประการ เช่น
          1.1  
การสังเกต  (Observe)  คือ  การเฝ้าดูเด็กตลอดเวลา  เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในระหว่างการสอนที่ครูสามารถเห็นพฤติกรรมของผู้เรียนเป็นรายบุคคลหรือความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม  ที่สะท้อนความสามารถในด้านความรู้  ทักษะ  ความรู้สึก และคุณลักษณะ
          1.2 
การบันทึกพฤติกรรม  (Anecdotal  Records)  เป็นการบันทึกเหตุการณ์หรือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นแก่เด็ก  โดยจะบันทึกอย่างละเอียดหรือย่อ ๆ  ก็ได้  ปกติจะเขียนหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
          1.3  
แบบสำรวจรายการ  (Checklists)  เป็นเครื่องมือช่วยบันทึกแบบตั้งใจที่จะดูพฤติกรรมหรือการเรียนรู้ว่าเกิดขึ้นหรือไม่  เน้นดูที่ความเจริญเติบโตพัฒนาการหรือจุดประสงค์การเรียนรู้รวมทั้งองค์ประกอบต่าง ๆ  ของหลักสูตร
องค์ประกอบของแบบสำรวจรายการ  ได้แก่  คุณลักษณะ  ทักษะ  ความสนใจและพฤติกรรมที่มุ่งหวังตามมาตรฐานของหลักสูตรและผลการเรียนรู้ในแต่ละระดับ  (Curricular  Benchmark)  หรือความคิดรวบยอด
          1.4  Inventories  
เป็นเครื่องมือที่คล้ายคลึงกับแบบสำรวจรายการแต่จะเป็นแนวทางที่ดูร่องรอยของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ  หรือพัฒนาการโดยการสังเกตสิ่งที่แสดงออก
          1.5  
มาตราส่วนประมาณ  (Rating  Scale)  เป็นเครื่องมือช่วยในการบันทึก  ซึ่งต้องการให้ผู้สังเกตคิดค้นเกี่ยวกับความรู้ ทักษะ  ความรู้สึกและคุณลักษณะในขอบเขตที่จะสังเกตโดยกำหนดให้เป็นตัวเลขหรือบรรยายระดับคุณภาพ
          1.6  
การสัมภาษณ์  เป็นการสัมภาษณ์ผู้เรียนที่จะได้ข้อมูลที่ต่อให้เกิดความเข้าใจเด็กอย่างลึกซึ้ง  การสัมภาษณ์จะช่วยให้ครูได้ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจในพัฒนาการของผู้เรียนและยังช่วยให้ครูเชื่อมโยงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และความเข้าใจของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี

2.  
การประเมินกระบวนการและผลผลิตของผู้เรียน  (Process  and  Product)

           
เกณฑ์การประเมินหรือแนวทางการให้คะแนน  (Rubric  Assessment) เครื่องมือที่ใช้เป็นแนวทางประเมินการปฏิบัติงานของผู้เรียน  เรียกว่า  “รูบริค”  (Rubric)  คือ  แนวทางการให้คะแนน  (Scoring  Guide)  ที่กำหนดมาตรวัด  (Scale)  และรายการของคุณลักษณะสมรรถภาพหรือประเด็นการประเมินที่บรรยายถึงความสามารถในการแสดงออกแต่ละจุดในมาตรวัดไว้อย่างชัดเจน  โดยแบ่งออกเป็นระดับ
การให้คะแนนของรูบริค  คือ  การตอบคำถามว่า  ผู้เรียนทำอะไร  ได้สำเร็จหรือมีระดับความสำเร็จในขั้นต่าง ๆ  กันหรือมีผลงานเป็นอย่างไรนั่นเอง  การให้คะแนนรูบริคมี  2  แบบ  คือ

         2.1)  
การให้คะแนนเป็นภาพรวม  (Holistic  Seore)  คือ  การให้คะแนนงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งโดยดูภาพรวมของชิ้นงาน  ว่ามีความเข้าใจความคิดรวบยอดการสื่อความสำเร็จของงานเป็นชิ้น ๆ  โดยอาจจะแบ่งระดับคุณภาพ  การให้คะแนน  รูบริค  อาจแบ่งวิธีการให้คะแนนหลายวิธี  เช่น

          
วิธีที่  1  แบ่งงานตามคุณภาพ  เป็น  3  กอง  คือ
               
กองที่  1  ได้แก่  งานที่มีคุณภาพเป็นพิเศษและเขียนอธิบายลักษณะงานที่มีคุณภาพเป็นพิเศษ
               
กองที่  2  ได้แก่  งานที่ยอมรับได้และเขียนอธิบายลักษณะของงานที่ยอมรับได้
               
กองที่  3  ได้แก่  งานที่ยอมรับได้น้อยหรือยอมรับไม่ได้  และเขียนอธิบายลักษณะของงานที่ยอมรับได้น้อย

           
จากนั้นนำแต่ละกองมาให้คะแนน  2  ระดับ คือ
                      
งานกองที่  1  จะได้คะแนน  6  หรือ  5
                      
งานกองที  2  จะได้คะแนน  4  หรือ  3
                      
งานกองที่  3  จะได้คะแนน  2  หรือ  1
                      
งานที่ใช้ไม่ได้หรือไม่ใช้ความพยายามเลย  ให้คะแนน  0

          
วิธีที่  2  กำหนดระดับการผิดพลาด  โดยพิจารณาจากความบกพร่องของคำตอบว่า  มีมากน้อยเพียงใด  แล้วหักจากระดับคะแนนสูงสุดมาทีละระดับ
                      
คะแนน  4  หมายถึง  คำตอบถูก  แสดงเหตุผลถูกต้อง  แนวคิดชัดเจน
                      
คะแนน  3  หมายถึง  คำตอบถูก  แสดงเหตุผลถูกต้อง  อาจมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย
                      
คะแนน  2  หมายถึง  เหตุผลหรือการคำนวณผิดพลาด  แต่มีแนวทางที่จะนำไปสู่คำตอบ
                      
คะแนน  1  หมายถึง  แสดงวิธีคิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้คำตอบ
                      
คะแนน  0  หมายถึง  ไม่ตอบหรือตอบไม่ถูกเลย

          
วิธีที่  3  กำหนดระดับคำอธิบาย  เช่น
                      4  
หมายถึง  การสาธิตหรือการแสดงออกให้เห็นถึงการเข้าใจสมบูรณ์ครบถ้วนถูกต้องแม่นยำ  ในหลักความคิดรวบยอด  ข้อเท็จจริงของงานหรือสถานการณ์ที่กำหนดทั้งเสนอแนวคิดใหม่ที่แสดงถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ่งถึงกฎเกณพ์หรือลักษณะของข้อมูล
                      3  
หมายถึง  การแสดงออกให้เห็นถึงการเข้าใจที่สมบูรณ์  ครบถ้วนถูกต้องในหลักการ  ความคิดรวบยอด  ข้อเท็จจริงของงานหรือสถานการณ์ที่กำหนด
                      2  
หมายถึง  การแสดงออกให้เห็นถึงการเข้าใจไม่สมบูรณ์  ครบถ้วนถูกต้องในหลักการ  ความคิดรวบยอด  ข้อเท็จจริง  หรือสถานการณ์  ที่กำหนดน้อยมากและเข้าใจไม่ถูกต้องในบางส่วน
                      1  
หมายถึง  การแสดงออกให้เห็นการเข้าใจหลักการ  ความคิดรวบยอด  ข้อเท็จจริงของงานหรือสถานการณ์ที่กำหนดน้อยมากและเข้าใจไม่ถูกต้องในบางส่วน
                      0    
หมายถึง  ไม่แสดงความคิดเห็นใด  

           2.2)  
การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบ  (Analytic  Score)  เป็นการประเมินแบบแยกองค์ประกอบของการให้คะแนนและอธิบายคุณภาพของงานในแต่ละองค์ประกอบเป็นระดับ  ซึ่งจะมีการแยกองค์ประกอบของงานเป็น  4  ด้าน  คือ
                      2.1  
ความเข้าใจในความคิดรวบยอด ข้อเท็จจริง  เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้เรียนเข้าใจในความคิดรวบยอด  หลักการตอบปัญหาที่ถามอย่างกระจ่างชัด
                      2.2  
การสื่อความหมาย  สื่อสาร  คือ  ความสามารถในการอธิบายนำเสนอการบรรยายเหตุผล  แนวคิดให้ผู้อื่นเข้าใจ  ได้ดีมีความคิดสร้างสรรค์
                      2.3  
การใช้กระบวนการและยุทธวิธี  สามารถเลือกใช้ยุทธวิธีกระบวนการที่นำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างประสิทธิภาพ
                      2.4  
ผลเร็จของงาน  ความถูกต้องแม่นยำในผลสำเร็จของงานหรืออธิบายที่มาและตรวจสอบผลงานได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การวัดและประเมินผลทางการศึกษา

ความหมายของคำว่า การประเมินผล ( Evaluation)  ได้มีผู้ให้ความหมายไว้ ดังนี้             ชวาล แพรัตกุล  (2516 : 140) กล่าวว่า การประเมินผล ...